วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บทความเรื่อง ความจำของมนุษย์กับความจำเป็นในปัจจุบัน


โดย นงนุช  ยืดเนื้อ  549400204
ในชีวิตปัจจุบันคนเราต้องพบกับเรื่องราวมากมายทั้งที่ดีและไม่ดีแต่คนเรามักจะจำในสิ่งที่ดีไว้ได้อย่างแม่นยำรวดเร็วโดยเฉพาะเป็นเรื่องที่ตนเองสนใจ ซึ่งผู้เขียนจะเขียนความจำของมนุษย์ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ 
การจำเกิดจากการเรียนรู้ของสมองซึ่งแบ่งความจำของมนุษย์ออกเป็น  2  แบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบจะเก็บไว้ในสมองคนละส่วนกัน ได้แก่ ประเภทที่หนึ่ง ความจำระยะสั้น (shot-term memory - STM)  ถูกเก็บอยู่ในสมองส่วนกลาง เป็น ความจำที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เช่น จำชื่ออาหารที่เพื่อนสั่งซื้อ จำเบอร์โทรติดต่องานจากสมุดโทรศัพท์ จำเลขหวยที่ข้างๆบ้านเขาคุยกัน เป็นต้น ซึ่งจะเก็บข้อมูลเพียง 6 หรือ 7 รายการไว้ได้ 1 นาที เป็นความจำที่ยังไม่คงทนถาวร  เดินกลับบ้านเจอสุนัขข้างทางเห่า อาจจะลืมหมดก็ได้  ประเภทที่สอง  ความจำระยะยาว (long-term memory - LTM) เก็บอยู่ในสมองส่วนนอก ข้อมูลอะไรก็ตามที่สำคัญและมีความหมายจะโยกย้ายจากความจำระยะสั้นไปสู่ระบบ ความจำซึ่งเรียกว่า ความจำระยะยาว ซึ่งอาจเก็บข้อมูลได้เป็นแรมปีหรือตลอดไป ทำหน้าที่เสมือนคลังข้อมูลถาวรหรือค่อนข้างจะถาวร  ทำให้เราสามารถจำบางเรื่องได้นาน  ความจำระยะยาว อาจแบ่งเป็นสองประเภท คือ การจำความหมาย (Semantic Memory)    กับการจำเหตุการณ์ (Episodic Memory)   การจำความหมายจะลืมได้ยากกว่าการจำเหตุการณ์ บางอย่างก็ไม่มีการลืมเลย เช่น ชื่อวันในหนึ่งสัปดาห์ ชื่อวัตถุสิ่งของที่เราเรียกในภาษาของเรา เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชีวิตหรือโลกของเรา  ส่วนการจำเหตุการณ์ อาจจะลืมได้ง่ายกว่า  เช่น เราพบกับแฟนวันแรกวันไหน บางคนถึงขนาดจำไม่ได้ว่าแต่งงานเมื่อวันที่เท่าไหร่เดือนไหน เมื่อเดือนที่แล้วเราไปที่ไหนมาบ้าง เราฉลองวันเกิดปีแรกเมื่ออายุเท่าไหร่ รายละเอียดของอุบติเหตุที่เคยประสบ เป็นต้น แหล่งอ้างอิงhttp://br.correct.go.th/eduweb/index.php/eduessay/44-educational-knowledge/84-memory-forgetting.html
การอ่านเป็นเทคนิคในการจำการเรื่องราวต่างๆที่ตนเองสนใจการอ่านที่ทำให้จำได้ง่ายสามารถทำได้คือเวลาอ่าน
บทเรียนหรือตำรา ให้อ่านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าเราจะไม่อ่านไปเรื่อยๆ คือเราจะหยุดอ่านเมื่อจบย่อหน้าหรือหยุดเมื่ออ่านไปได้พอสมควร จากนั้นให้ปิดหนังสือ แล้ว ลองอธิบายสิ่งที่ตนเองได้อ่านมาให้ตัวเองฟังคือ เราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังด้วยภาษาสำนวนของเราเอง ฟังแล้วเข้าใจหรือเปล่า หากเราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังรู้เรื่อง แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว ให้อ่านต่อไปได้หากตอนใดเราอ่านแล้ว แต่ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองรู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่เข้าใจ ให้กลับไปอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง หากเราพยายามอ่านหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจจริงๆให้จดโน้ตไว้เพื่อนำไปถามอาจารย์ จากนั้นให้อ่านต่อไปข้อมูลบางอย่างในตำราจำเป็นที่จะต้องท่องจำ เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อสถานที่ บุคคล หรือ สูตรต่างๆ ฯลฯ ก็ควรท่องจำไว้ด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แหล่งอ้างอิง  http://blog.eduzones.com/diaw30/22324  นอกจาการอ่านเรื่องที่สนใจแล้วทำให้เกิดความจำแล้วการจำเรื่องต่างๆใกล้ตัวก็มีความจำเป็นเช่นเทคนิคการจำภาษาอังกฤษเทคนิคแรก โยงสิ่งที่ต้องจำไปหาสิ่งที่จำง่ายและติดตากว่า เทคนิคที่สองใส่ทำนองร้องเป็นเพลง เทคนิคที่สามวิธีจำโดยสังเกตตัวอักษรที่เหมือนกัน เทคนิคที่สี่ประโยคเด็ดช่วยจำ เทคนิคที่ห้า จำเป็นรูปภาพแหล่งอ้างอิง http://www.taladhonda.com/?p=428 : ซึ่งการจำต่างๆมีมีความสำคัญในการสอนของครูเช่นวิธีการสอนแบบแบบร่วมมือ วิธีการสอนแบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI แหล่งอ้างอิงhttp://www.inspect12.moe.go.th/insite/Vijai.htm#16  http://www.library.msu.ac.th/web/dublin.linkout.php?url=http://khoon.msu.ac.th/full134/urairak131375/titlepage.pdf
                สรุปการจำเกิดจากการเรียนรู้ของสมองที่มีความจำระยะสั้นและระยะยาว การจำได้นานต้องมีเทคนิคในการจำให้เกิดการจำที่ถาวรเช่นการอ่าน  การเรียนรู้จากการสอนในรูปแบบต่างๆจำช่วยให้เกิดความจำที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีดังนั้นการจำมีความสำคัญต่อและมีความจำเป็นในปัจจุบัน